วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไอซีที ส่งทีมตรวจสอบความพร้อมโรงงานผลิตแทบเล็ตจีน คาดเคาะ 1 ใน 4 บริษัท




น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า คณะกรรมการจัดหาแทบเล็ตตามโครงการแทบเล็ต ป.1 ของรัฐบาลได้เดินทางไปจีน เพื่อดูโรงงานผลิตแทบเล็ตตามที่รัฐบาลจีนเสนอให้รัฐบาลไทยเลือก 4 บริษัทคือ หัวเว่ย, ทีซีแอล, ไฮเออร์ และบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ วันที่ 2-3 มี.ค.นี้ โดยมีกำหนดจะดูงานวันละ 2 โรงงาน
ทั้งนี้เพื่อประเมินว่าผู้ผลิตแต่ละรายพร้อมระดับไหน รวมทั้งจะผลิตเครื่องตอบโจทย์ได้ทั้งหมดหรือไม่ เช่น คุณสมบัติเครื่อง, ราคา และบริการหลังการขาย โดยต้องกลับมารายงานผลให้รับทราบวันที่ 5 มี.ค.นี้
"หลังจากทีมประชุมกันเสร็จแล้วจะมารายงานให้ผมทราบ และถ้าเห็นตามนั้น เราก็จะเตรียมรายงานให้ท่าน สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับทราบในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายแทบเล็ต ซึ่งถ้าเห็นด้วยก็จะส่งเรื่องเข้า ครม. วันอังคารที่ 6 มี.ค.นี้ โดยเป็นไปได้ที่อาจจะเลือกเพียงบริษัทเดียว ถ้าผู้ผลิตบริหารจัดการให้ได้ตามข้อกำหนดของรัฐบาลไทย"
อย่างไรก็ตาม ไอซีทียังยืนยันราคาแทบเล็ตที่รัฐบาลมีนโยบายจัดซื้อคือ เครื่องละ 3,100 บาท ตาม พ.ร.บ.ที่ผ่านสภาระบุไว้ ส่วนราคาต่อรองอาจต่ำกว่าก็ได้
ส่วนประเด็นบอร์ดซิป้าที่อ้างว่า ยังไม่ได้เข้าพบรัฐมนตรีเพื่ออธิบายปัญหาภายในของบอร์ด น.อ.อนุดิษฐ์ ยืนยันว่า เป็นไปตามขั้นตอนของการสอบสวนปัญหาภายในของบอร์ดซิป้า โดยตั้งคณะกรรมการดำเนินการโดยเฉพาะเพื่อความโปร่งใส
"สิ่งที่ผมทำคือมาตรการที่ดีที่สุดที่ผู้บริหารจะมอบให้ ผมไม่ลงไปล้วงลูกใคร เพราะการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบปัญหาของซิป้าก็คือชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องให้เกิดความเท่าเทียม และเป็นธรรม แต่จะมาร้องว่าไม่ได้เข้าพบไม่ได้ เพราะต้องให้เกียรติคณะทำงานที่เราตั้งขึ้นมาด้วย"

กูเกิลตั้งเป้าปี 2012 ดันแอนดรอยด์แท็บเลต


               




                        ในการพูดของ "แอนดี้ รูบิน" ผู้บริหารที่ดูแลด้านโมบายและดิจิทัลคอนเทนต์ของยักษ์ใหญ่กูเกิลเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน มีการจับสัญญาณออกมาว่า กูเกิลกำลังจะยกระดับการท้าทายไอแพดของแอปเปิล ที่เป็นทั้งผู้บุกเบิกและครองตลาดแท็บเลตอยู่ในเวลานี้

ทุกวันนี้ใน แต่ละวันเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลมีการแอ็กทิเวตแอนดรอยด์ประมาณ 850,000 เครื่อง หากนับรวมตั้งแต่วันแรกที่มีเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ออกมาคือ T-Mobile G1 ในปี 2008 ก็เท่ากับมีเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่า 300 ล้านเครื่องแล้ว

จำนวนดังกล่าวนี้ไม่ได้นับรวมอุปกรณ์แอนดรอยด์ อื่น ๆ ที่ไม่ได้พึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลในการแอ็กทิเวต โดยแยกระบบออกไปต่างหาก เช่น คินเดิล ไฟร์ ของ อะเมซอน, นุกส์ ของบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล รวมถึงสมาร์ท ทีวี ที่ฟอร์ก แอนดรอยด์ไปใช้ เป็นต้น

ใน งานที่บาร์เซโลนา "รูบิน" กล่าวว่า เฉพาะแท็บเลตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จนถึงขณะนี้การแอ็กทิเวตไปแล้ว 12 ล้านเครื่อง ซึ่งแม้จะน้อยกว่าที่อยากให้เกิดขึ้น "แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากนัยสำคัญใด ๆ"

ตัวเลขรวมของ "แท็บเลต" ที่ใช้แอนดรอยด์ที่ไม่รวมคินเดิล ไฟร์ และนุกส์ คัลเลอร์นี้ เมื่อไปเทียบกับไอแพดแล้วยังถือว่าห่างมาก เพราะแค่ไตรมาสที่แล้วที่ครอบคลุมเทศกาลจับจ่ายใช้สอยช่วงคริสต์มาส ยอดขายรวมของ "ไอแพด" สูงถึง 15.4 ล้านเครื่อง และหากนับรวมตั้งแต่เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2010 ไอแพดขายไปแล้วกว่า 50 ล้านเครื่อง

แน่นอนว่าปัญหาของ "แท็บเลตแอนดรอยด์" นั้นคล้ายกับไม่มีเจ้าภาพ เพราะมีหลายบริษัททำออกมา ซึ่งในด้านหนึ่งเป็นจุดอ่อนที่จำเป็นต้องหาทางแก้ไข

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ "แอป" บนแอนดรอยด์ก็ยังคงเป็นไปแบบก้าวกระโดด จนถึงปัจจุบันมี "แอป" อยู่ประมาณ 450,000 ตัวแล้ว ในรอบหนึ่งปีอัตราการเติบโตสูงมากถึง 250 เปอร์เซ็นต์ และมียอดดาวน์โหลดกว่า 1,000 ล้านครั้ง

"รูบิน" กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่กูเกิลจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้มั่นใจจะว่าต้องชนะ

นี่ ย่อมเป็นก้าวย่างที่น่าสนใจในโลกของแท็บเลต เพราะเพียงย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน สื่อมวลชนจำนวนมากพูดทำนองเดียวกันว่าไม่มีตลาดแท็บเลต มีแต่ตลาดไอแพด แต่ภาพนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อ "คินเดิล ไฟร์" ของอะเมซอนออกมาวางตลาด ชั่วเวลาเพียงสองเดือน IDC ประเมินว่า ยอดขายคินเดิล ไฟร์ มีประมาณ 5 ล้านเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายอันน่าประทับใจ ทั้งที่ขายแบบจำกัด ไม่ได้ขายทั่วโลก